การฉีดสีและเอกซเรย์ดูโพรงมดลูกและท่อนำไข่ ในคนที่มีบุตรยาก มีความจำเป็นต้องตรวจแค่ไหน?
การศึกษาที่พึ่งตีพิมพ์ในวารสาร(Fertility & Sterility)ได้เปรียบเทียบระหว่างการทำการฉีดสี และการส่องกล้องดูโพรงมดลูก ในผู้ป่วยภาวะมีบุตรยาก355คนซึ่งทุกคนจะได้ตรวจทั้งสองวิธีเปรียบเทียบกัน พบว่าเมื่อพบความผิดปกติจากการฉีดสีแล้วจะพบความผิดปกติของโพรงมดลูกจากการส่องกล้องจริงเพียง22%เท่านั้นและหากฉีดสีแล้วพบว่าปกติเมื่อเอาไปส่องกล้องจะพบว่าผิดปกติ29%และยังพบว่าในผู้ที่มีอายุมากกว่า35ปี ที่ฉีดสีแล้วปกติจะพบความผิดปกติจากการส่องกล้องถึง41%และโอกาสที่จะมีความผิดปกติของโพรงมดลูกจากการส่องกล้องจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนครั้งที่ทำเด็กหลอดแก้วไม่สำเร็จโดยจะพบสูงถึง60% ในรายที่ทำเด็กหลอดแก้วแล้วไม่สำเร็จมามากกว่า3ครั้ง
เนื่องจากการฉีดสีดูโพรงมดลูกมีความแม่นยำในการดูท่อนำไข่สูง เมื่อสงสัยว่าจะมีความผิดปกติของท่อนำไข่ จึงควรส่งตรวจฉีดสีเสมอ อย่างไรก็ตามหากผลการฉีดสีออกมาเป็นปกติก็ไม่ควรวางใจเพราะอาจจะมีความผิดปกของโพรงมดลูกซ่อนอยู่ได้ ดังนั้นในรายที่สงสัยความผิดปกติในโพรงมดลูกควรจะตรวจเพิ่มเติมด้วยการส่องกล้องดูโพรงมดลูกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีอายุมาก มีประวัติเรื่องมีบุตรยากมานานและทำเด็กหลอดแก้วหลายครั้งแล้วไม่ตั้งครรภ์
Last update: 24 January 2013 | View 7211